Saudi-led coalition ซาอุดีอาระเบีย[15] สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์[16] เซเนกัล[17] ซูดาน[18][19] โมร็อกโก[20] (2015–19)
[21] กาตาร์[18] (2015–17)
[22]Academi security contractors
[23][24][25][26][27] Green Berets[28][29] French Army Special Forces Command[30][31][32]Academi Southern Transitional Council (from 2017)
[38] Tareq Saleh forces (from 2017)
[39][40] Ansar al-Sharia รัฐอิสลามอิรักและลิแวนต์ – จังหวัดเยเมน(ISIL-YP)
[49][50]พันธมิตรที่นำโดยซาอุดิอาระเบีย: King Salman Muhammad bin Salman Mohammed bin Zayed Tamim bin Hamad (2015–17)
Abdel Fattah Abdelrahman Burhan Macky Sall Mohamed VI (2015–19)
Abu Bilal al-Harbi[89] 150,000–200,000 fighters
[90] ISIL: 300
[104]"Thousands" killed (per Al Jazeera; as of May 2018)1,000
[106]–3,000
[107] soldiers killed
10 captured;
[108]3
aircraft lost;
[109][110][111]9
helicopters lost[112][113][114][115][116][117]20
M1A2S lost
[118]1 frigate damaged
[119] Over 120 soldiers killed
[120]3 aircraft lost
[121][122]3 helicopters lost
[123][124]1 watercraft damaged (
HSV-2 Swift)
[125] 1,000–1,200 soldiers killed
[126][127] 8 soldiers killed
[128]1 F-16 crashed
[129] 4 soldiers killed
[130] 1 soldier killed
[131] 1
F-16 shot down
[132][131] 1
F-16 lost
[133]Academi: 15
PMCs killed
[134]สงครามกลางเมืองเยเมน (
อังกฤษ: Yemeni Civil War) เป็นความขัดแย้งที่ยังดำเนินไปต่อเนื่อง เริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2558 ระหว่างสองฝ่าย: รัฐบาลเยเมนนำโดย
อับดรับบูห์ มันซูร์ ฮาดี และขบวนการติดอาวุธ
ฮูษี ร่วมกับพันธมิตรและผู้สนับสนุน ทั้งสองฝ่ายอ้างว่าเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการของ
เยเมน[136]กองกำลังของ
ฮูษี ปัจจุบันควบคุมเมืองหลวง
ซานาอา เป็นพันธมิตรกับกองกำลังที่จงรักภักดีกับอดีตประธานาธิบดี
อาลี อับดุลลอห์ ซาเละห์ ได้ปะทะกับกองกำลังที่ภักดีกับฮาดี ซึ่งมีฐานที่มั่นที่
เอเดน อัลกออิดะห์ในคาบสมุทรอาหรับ (AQAP) และ
รัฐอิสลามแห่งอิรักและเลอแวนต์ ได้ร่วมโจมตีด้วย โดยอัลกออิดะห์ควบคุมพื้นที่ในชนบทห่างไกล และตามแนวชายฝั่ง
[137]ในวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558 หลังจากฮูษีเข้ายึดครองซานาอาและรัฐบาลเยเมน ผู้นำคณะกรรมการปฏิวัติสูงสุดของฮูษี ได้ประกาศปลดฮาดี และขยายการควบคุมไปยังพื้นที่จังหวัดทางภาคใต้
[138] การรุกของฮูทีเป็นพันธมิตรกับกำลังทหารที่ภักดีต่อซาเละห์ เริ่มการต่อสู้ในวันรุ่งขึ้นที่ลาหิช และยึดได้ในวันที่ 25 มีนาคม และคืบหน้าไปยังเอเดน ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญของฮาดี
[139]ฮาดีลี้ภัยออกนอกประเทศในวันเดียวกัน
[140][141]ต่อมา มีความช่วยเหลือของซาอุดิอาระเบีย ที่เข้ามาโจมตีทางอากาศเพื่อฟื้นฟูรัฐบาลเดิมของเยเมน
[18] สหรัฐอเมริกาเข้ามาช่วยเหลือทางด้านโลจิสติกส์ด้วย
[15] ตามข้อมูลของสหประชาชาติ ระหว่างเดือนมีนาคม พ.ศ. 2558 – เดือนธันวาคม 2560 ประชาชนราว 8,670–13,600 คนถูกฆ่าในเยเมน โดยเป็นพลเรือนมากกว่า 5,200 คนและคาดว่ามากกว่า 50,000 คนเสียชีวิตเพราะความอดอยากในเยเมนที่เกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ พ.ศ. 2559 ซึ่งมีสาเหตุมาจากสงคราม
[142][143][144]ความขัดแย้งนี้ถูกมองว่าเป็นการขยายตัวมาจากความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบีย ซึ่งหมายความว่าอิหร่านมีอิทธิพลในบริเวณนี้
[145][146] ใน พ.ศ. 2561 สหประชาชาติเตือนว่าประชาชนชาวเยเมน 13 ล้านคน พบกับความอดอยากที่เลวร้ายที่สุดในโลกในรอบ 100 ปี
[147]ชุมชนนานาชาติประณามการทิ้งระเบิดของฝ่ายซาอุดิอาระเบีย ซึ่งมีการทิ้งระเบิดในพื้นที่ของพลเรือน
[148] การทิ้งระเบิดทำให้ประชาชน 17,729 เสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากข้อมูลเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562
[149] วิกฤติการณ์นี้เริ่มจะได้รับความสนใจจากสื่อนานาชาติ ดังที่เป็นใน
สงครามกลางเมืองซีเรีย[150][151]สหรัฐได้ทิ้งระเบิดเพื่อช่วยเหลือซาอุดิอาระเบียโจมตีทางอากาศต่อเยเมน ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562 ทำให้สภาสูงของสหรัฐผ่านญัตติเพื่อยุติการช่วยเหลือของสหรัฐต่อซาอุดิอาระเบีย
[152] ซึ่งถูกระงับโดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และในเดือนพฤษภาคม สภาสูงล้มเหลวที่จะยกเลิกการยับยั้งนี้
[153]